เต็นท์มีกี่ประเภท ? ต่างกันอย่างไร ใครจะไปแคมป์ปิ้งต้องรู้ !

เต็นท์เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ตั้งแคมป์ที่สำคัญไม่น้อย ดังนั้น ก่อนไปแคมป์ปิ้งจึงต้องรู้ก่อนว่า เต็นท์มีกี่ประเภท แล้วแตกต่างกันอย่างไร อันไหนใช้แล้วเหมาะกับการไปออกแคมป์ วันนี้เราขอพามารู้จัก 10 ประเภทเต็นท์น่ารู้ รับรองว่ามีประโยชน์กับเหล่านักตั้งแคมป์ทั้งมือใหม่มือเก่าแน่นอน จะมีประเภทไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลย!

เต็นท์มีกี่ประเภท ?

ก่อนจะไปดูว่า เต็นท์มีกี่ประเภท ต้องรู้ก่อนว่าเต็นท์ทำหน้าที่เป็นที่อาศัยชั่วคราวเมื่อเราเดินทางไปทำกิจกรรมห่างไกล ทั้งยังช่วยป้องกันสัตว์ แมลง รวมถึงแดด ลม ฝน หิมะอีกด้วย เต็นท์แต่ละแบบก็มีขนาดและข้อดี ข้อเสียต่างกัน ต้องเลือกให้ดีก่อนไปแคมป์ปิ้งนะ

1. เต็นท์ทรงมาตรฐาน (Ridge/A-frame Tent)

เป็นเต็นท์ที่ทำจากผ้าใบ ใช้เสา 2 ต้นค้ำตรงทางเข้า-ออก เป็นเต็นท์ที่กางง่ายและตรงปลายเต็นท์ต้องยึดผ้าใบเข้ากับพื้น มีรูปทรงแบบทั่วไป มักจะนอนได้ 2 คน

เต็นท์ทรงมาตรฐาน

ข้อดี: กางง่าย กันน้ำ ระบายน้ำได้ดี

ข้อเสีย: น้ำหนักเยอะ พื้นที่น้อย

ทริป: เหมาะกับการตั้งแคมป์ในจุดเดิมหลาย ๆ วัน เช่น ค่ายลูกเสือ ค่ายทหาร

 

2. เต็นท์กระโจม (Teepee Tent)

เป็นเต็นท์ทรงสูง รูปร่างคล้ายกระโจมของชาวอินเดียนแดง มีเสาต้นเดียวอยู่ตรงกลางและยึดเต็นท์เข้ากับพื้นโดยใช้สมอบก ประตูเปิดออกได้เกือบถึงด้านบนสุดทำให้อากาศไหลเวียนได้ดีเต็นท์กระโจม

ข้อดี: ระบายอากาศได้ดี ทนกันสภาพอากาศย่ำแย่

ข้อเสีย: น้ำหนักเยอะ น้ำเข้าได้

ทริป: เหมาะกับทริปทั่วไป แต่ไม่ควรใช้ในหน้าฝน

 

3. เต็นท์แบบเคบิน (Cabin Tent)

เต็นท์ขนาดใหญ่ บางรุ่นมีห้องแบ่งด้านในเหมือนบ้านขนาดย่อม แต่เพราะขนาดที่ใหญ่และหนักมาก จึงควรมีรถเพื่อขนเต็นท์

เต็นท์แบบเคบิน

ข้อดี: กว้างมาก นอนได้หลายคน ทนแดดทนฝน

ข้อเสีย: น้ำหนักเยอะ กางยาก

ทริป: เหมาะกับทริปที่มีรถและไปกันหลายคน(ต้องช่วยกันกาง) ไม่เหมาะกับการขึ้นเขา/เดินป่า

 

4. เต็นท์ป๊อปอัพ (Pop-up Tent)

เป็นเต็นท์ที่นิยมกันอีกประเภทหนึ่ง เพราะกางง่ายมาก ๆ เพียงแค่โยนออกมาเต็นท์ก็จะกางเองอัตโนมัติ เหมาะกับมือใหม่หัดตั้งแคมป์เพราะไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใด ๆ

เต็นท์ป๊อปอัพ

ข้อดี: น้ำหนักเบา กางง่าย

ข้อเสีย: ขนาดเล็ก ไม่ค่อยทนต่อสภาพอากาศแย่

ทริป: ใช้ในทริปปีนเขา/เดินป่าแบบ hiking และ trekking แต่ต้องหาจุดตั้งเต็นท์ที่ไม่มีลมพัดแรงหรือเป็นที่ที่หลบฝนได้ระดับหนึ่ง

 

5. เต็นท์สูบลม (Inflatable Tent)

เป็นเต็นท์ที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใด ๆ เช่นกัน เพียงแต่ต้องพกเครื่องสูบลมไปด้วย เพราะต้องใช้ลมในการกางเต็นท์และค่อนข้างหนักทีเดียว

เต็นท์สูบลมขอขอบคุณรูปภาพจาก cheezelooker.com

ข้อดี: กางง่ายเพียงแค่ใช้เครื่องสูบลม

ข้อเสีย: พื้นที่น้อย น้ำหนักเยอะ

ทริป: เหมาะกับทริปที่มีรถ ไม่เหมาะกับคนที่เดินป่าคนเดียวเพราะต้องแบกเต็นท์หนัก

 

6. เต็นท์เปล (Hammock Tent)

เป็นเต็นท์ที่ไม่ได้ตั้งบนพื้น แต่ผูกไว้กับต้นไม้ที่มั่นคงแทน เพราะสถานที่ที่ไปอาจเป็นพื้นที่ลาดเอียง/ชื้นแฉะหรือไม่เหมาะต่อการตั้งเต็นท์ เต็นท์เปลจึงกลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ

เต็นท์เปล

ข้อดี: หลีกเลี่ยงสัตว์อันตรายตามพื้นได้ เต็นท์ไม่เลอะพื้น

ข้อเสีย: น้ำหนักเยอะ ต้องหาต้นไม้ที่แข็งแรงและระยะห่างพอดีที่พอให้ผูกได้

ทริป: เหมาะกับการปีนเขาหรือเดินป่า

 

7. เต็นท์แบบกึ่งถุงนอน (Bivy Sacks)

เป็นเต็นท์คล้ายถุงนอนที่สามารถนอนได้แค่ 1 คน และนอนได้อย่างเดียวไม่สามารถนั่งหรือยืนในเต็นท์นี้ได้ สามารถกันยุงและแมลงต่าง ๆ ได้

เต็นท์แบบกึ่งถุงนอน

ข้อดี: พกพาสะดวก เป็นส่วนตัว

ข้อเสีย: นอนได้แค่คนเดียว และใช้นอนอย่างเดียว

ทริป: เหมาะกับทริปที่เดินทางคนเดียว

 

8. เต็นท์ทรงโดม (Dome Tent)

เต็นท์โดมเป็นเต็นท์ที่เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะมีวิธีตั้งเต็นท์ที่ง่าย ใช้เพียงเสา 2 ต้นพาดทับกันก็จะได้รูปทรงเต็นท์โดม มีหลายขนาดให้เลือก นอนได้ตั้งแต่ 2 – 8 คน เป็นประเภทที่นิยมใช้กันมากที่สุด

เต็นท์ทรงโดม

ข้อดี: กางง่าย ระบายอากาศได้ดี น้ำหนักเบา

ข้อเสีย: ไม่กันน้ำ หากฝนตกน้ำอาจเข้าเต็นท์ได้ ด้านบนไม่สูงทำให้อากาศเข้าน้อย

ทริป: เหมาะกับทั้งทริปปีนเขาและเดินป่า

 

9. เต็นท์อุโมงค์ (Tunnel Tent)

ลักษณะคล้ายเต็นท์โดม แต่เสาจะกระจายอยู่ 4 – 5 ต้นรอบเต็นท์ รูปทรงจะยาวกว่าและบางรุ่นมีทรงสูง สามารถไปกับเพื่อนหรือครอบครัวหลายคนได้สบาย

เต็นท์อุโมงค์

ข้อดี: กว้าง พื้นที่ใช้สอยเยอะ 

ข้อเสีย: น้ำหนักเยอะ กางยาก

ทริป: เหมาะกับทริปที่มีรถ ไม่เหมาะกับการขึ้นเขา/เดินป่า

 

10. เต็นท์จีโอเดสิคโดม (Geodesic Tent)

ลักษณะคล้ายเต็นท์โดมแต่เพิ่มเสา ทำให้แข็งแรงทนทานและกว้างมากขึ้น แต่แน่นอนว่าขั้นตอนการกางก็จะซับซ้อนตามไปด้วย

เต็นท์จีโอเดสิคโดม

ข้อดี: กว้าง ทนทานต่อสภาพอากาศแย่

ข้อเสีย: น้ำหนักเยอะ กางยาก 

ทริป: สามารถใช้เต็นท์นี้กับทริปเดินป่า/ปีนเขาที่ลมพายุแรง หรือสถานที่ที่อากาศรุนแรง เช่น ทะเลทราย หิมะตก เป็นต้น

 

อุปกรณ์ตั้งเต็นท์

อุปกรณ์ตั้งเต็นท์

หลังจากทราบกันไปแล้วว่า เต็นท์มีกี่ประเภท ก็มาถึงอุปกรณ์ประกอบเต็นท์กันบ้าง เพราะเต็นท์หลาย ๆ ประเภทต้องใช้อุปกรณ์กันทั้งนั้น เราจึงควรรู้จักไว้ ไปแคมป์ปิ้งเมื่อไหร่จะได้ตั้งเต็นท์ได้สบาย

  • เสา (Pole)

เป็นเสาที่ใช้สำหรับยึดเป็นโครงเต็นท์ วัสดุที่ใช้ทำเสา เช่น ไฟเบอร์ อะลูมิเนียม เพราะมีความแข็งแรงแต่ก็ยืดหยุ่นด้วย เป็นสิ่งที่ห้ามลืมเด็ดขาด ไม่งั้นจะกางเต็นท์ไม่ได้

  • สมอบก (Peg)

เป็นอุปกรณ์ที่ยึดเต็นท์เข้ากับพื้นเพื่อไม่ให้เต็นท์ถูกพัดเมื่อมีลมแรงหรือฝนตก ซึ่งต้องเลือกสมอบกให้เหมาะกับสภาพพื้นที่เราจะตั้งแคมป์ โดยสมอบกรูปเข็มจะใช้กับดินธรรมดา/ดินร่วน, สมอบกรูปฉาก/รูปตัว X/รูปถุงผ้า ใช้กับพื้นทราย, สมอบกรูปตัวไอใช้เพื่อให้ยึดเกาะพื้นได้ดี ใช้ต้านลมแรงได้

  • ฟลายชีท (Fly Sheet)

เป็นผ้าใบขนาดใหญ่ที่ใช้คลุมเต็นท์และบริเวณรอบ ๆ เพื่อป้องกันฝนหรือน้ำค้างที่มาเกาะเต็นท์ และยังกันแดดได้อีกด้วย

  • กราวด์ชีท (Ground Sheet)

เป็นแผ่นผ้าปูที่ใช้รองพื้นก่อนตั้งเต็นท์ เพื่อไม่ให้เต็นท์เลอะและกันไม่ให้น้ำซึมเข้าเต็นท์

 

เป็นยังไงกันบ้าง หลายคนคงทราบแล้วว่าเต็นท์มีกี่ประเภท ต่างกันยังไง แล้วอุปกรณ์ตั้งเต็นท์ประกอบด้วยอะไรบ้าง ดังนั้น ก่อนไปตั้งแคมป์ต้องสำรวจก่อนว่าสภาพพื้นและสภาพอากาศเป็นอย่างไรจึงค่อยเลือกเต็นท์ที่เหมาะสมที่สุด จะได้ไปแคมป์ปิ้งได้อย่างสบายใจกัน

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

thepuffinhouse.com, boytravellers.com, wongnai.com, travel.trueid.net

Press ESC to close