เหล่าคนรักธรรมชาติเตรียมตัวมาแคมป์ปิ้งฉบับสายลุยให้พร้อม ! วันนี้เรารวบรวม 9 สถานที่สำหรับ ‘ตั้งแคมป์’ หน้าฝนทั่วไทย ใครยังไม่เคยไปที่ไหนห้ามพลาด ไม่ว่าจะไปกับคนรัก ครอบครัวหรือเพื่อน รับรองถูกใจกับวิวสวย ๆ กิจกรรมสุดปังและบรรยากาศดี ๆ แน่นอน
สถานที่ตั้งแคมป์ 9 แห่ง
1. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา
แหล่งแคมป์ปิ้งชื่อดังที่พลาดไม่ได้เลยคือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีพื้นที่กว่า 2,168 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่สำหรับอนุรักษ์พืชพันธุ์และสัตว์ป่ามากมาย รับประกันความสงบร่มรื่น อากาศเย็นสบาย นอกจากนี้ยังมีสถานที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หลวงพ่อทวดเขาใหญ่, พิชญ์เขาวงกต, น้ำตกเหวนรกและอื่น ๆ
ที่ตั้ง: ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
เวลาทำการ: ทุกวัน 06:00 – 18:00 น.
ช่องทางการติดต่อ: อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
2. ริมธารา แคมป์ปิ้ง จ.ราชบุรี
สถานที่ตั้งแคมป์สายชิล เรียกได้ว่าเป็นที่ที่ครบพร้อมแห่งหนึ่ง มีทั้งที่พัก ห้องน้ำ ปลั๊กไฟให้ใช้บริการได้อย่างเต็มที่ หรือหากใครอยากใกล้ชิดธรรมชาติ ชนิดที่ว่าตื่นมาแล้วเจอลำธารห่างแค่ไม่กี่ก้าว ก็สามารถนำเต็นท์มาเองได้เลย รวมทั้งอาหารเครื่องดื่ม ถ้าใครไม่อยากเตรียมมาเองก็สามารถโทรสั่งซื้อได้ใกล้ ๆ นะ สะดวกแบบนี้ ต้องแวะมาเที่ยวที่ริมธารากันบ้างแล้ว !
ที่ตั้ง: บ้านห้วยน้ำหนัก ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
เวลาทำการ: ทุกวัน 11:00 – 19:00 น.
ช่องทางการติดต่อ: ริมธารา แคมป์ปิ้ง
ขอขอบคุณรูปภาพจาก facebook.com
3. เขื่อนป่าศักดิ์ชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี
หากแวะไปลพบุรี สถานที่ที่ต้องไปเยี่ยมชมสักครั้งคือ เขื่อนป่าศักดิ์ชลสิทธิ์ เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศโปร่งโล่งสบาย มีลมพัดเย็น ๆ เพราะที่นี่มีทุ่งกว้างที่มองไปได้สุดลูกหูลูกตา มีฝูงวัวฝูงควายเล็มหญ้า ให้อารมณ์ธรรมชาติสุด ๆ มากางเต็นท์ผ่อนคลายแล้วยังได้รูปสวย ๆ รวมทั้งทำกิจกรรม เช่น นั่งรถราง ไหว้พระและอื่น ๆ ไปได้ในตัวด้วยนะ
ที่ตั้ง: ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี
เวลาทำการ: ทุกวัน 06:00 – 18:00 น.
ช่องทางการติดต่อ: เขื่อนป่าศักดิ์ชลสิทธิ์
4. ลานกางเต็นท์กระต่ายกินเนื้อ จ.กาญจนบุรี
โลเคชั่นที่เหมาะกับการตั้งแคมป์อีกหนึ่งแห่ง เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ห้องน้ำ สนามเด็กเล่น เต้ารับปลั๊กไฟฟ้า ร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งสามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้ด้วย ลานกางเต็นท์ก็มีมากมาย เช่น ลานนับดาวที่อยู่ติดแม่น้ำแควน้อย หรือจะเป็น ลานกระต่ายที่มีต้นไม้สูงปกคลุม ใครชอบสไตล์ไหนก็เลือกเอาตามใจได้เลย
ที่ตั้ง: 241 ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย
เวลาทำการ: ทุกวัน 08:00 – 20:00 น.
ช่องทางการติดต่อ: ลานกางเต็นท์กระต่ายกินเนื้อ
ขอขอบคุณรูปภาพจาก facebook.com
5. เจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า จ.สระบุรี
จุดกางเต็นท์ยอดนิยมใกล้กรุงเทพ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนไม่น้อย ด้วยโลเคชั่นที่ติดอ่างเก็บน้ำซับป่าว่าน ห้อมล้อมไปด้วยทุ่งหญ้า ป่า และภูเขา ให้ร่มเงาและอากาศสดชื่น รวมทั้งยังมีน้ำตกให้ไปเยี่ยมชม หรือใครชื่นชอบการเดินป่าและปั่นจักรยานก็สามารถทำได้เช่นกัน ที่นี่ยังมีบริการครบครัน มีที่พัก ร้านอาหาร(เปิดเฉพาะศุกร์ เสาร์ อาทิตย์) ห้องน้ำ ที่ชาร์จแบต ทั้งยังมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด เหล่านักแคมป์ปิ้งต้องมาเยือนที่ เจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า ให้ได้สักครั้ง !
ที่ตั้ง: ต.ท่ามะปราง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
เวลาทำการ: ทุกวัน 08:30-20:00 น.
ช่องทางการติดต่อ: –
6. ณ นนท์ ลานกางเต็นท์ จ.กาญจนบุรี
ลานกางเต็นท์ติดเขื่อนท่าทุ่งนาและเขื่อนศรีนครินทร์ มีต้นไม้ร่มรื่น มองเห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาล้อมรอบ ได้ผ่อนคลายกลางธรรมชาติและทำกิจกรรมสนุกสนาน เช่น พายเรือ ตกปลา ขับเจ็ตสกี ไม่ต้องห่วงเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก เพราะที่นี่มีทั้งบ้าน เต็นท์ ห้องน้ำ อาหาร จุดจ่ายไฟไว้ให้บริการหมดแล้ว
ที่ตั้ง: ต.ช่องสะเดา อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี
เวลาทำการ: ทุกวัน 07.30 – 18.40 น.
ช่องทางการติดต่อ: ณ นนท์ ลานกางเต็นท์
ขอขอบคุณรูปภาพจาก facebook.com
7. บ้านแม่หญิงสุภากาญจน์ จ.ชลบุรี
จุดกางเต็นท์ติดริมทะเลสาบมังกรดำ ดื่มด่ำกับบรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย มีกิจกรรมสำหรับผู้มาเที่ยว เช่น พายเรือ ปั่นเรือเป็ด มีหอคอยไว้ชมวิวทิวทัศน์โดยเฉพาะ มีไฮไลต์ในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินเพราะท้องฟ้าจะสวยมากเป็นพิเศษ สร้างบรรยากาศดี ๆ ได้กับทั้งคู่รัก ครอบครัวและเพื่อน บ้านแม่หญิงสุภากาญจน์ยังมีบริการร้านอาหาร (ปิดวันพุธ) และคาเฟ่ (เปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์) ให้อีกด้วยนะ
ที่ตั้ง: 131 หมู่ 8 ถนนบ่อทอง-คลองยาง ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี
เวลาทำการ: ทุกวัน 08:00-17:00น.
ช่องทางการติดต่อ: บ้านแม่หญิงสุภากาญจน์
ขอขอบคุณรูปภาพจาก facebook.com
8. แคมป์บ้านกร่าง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
อุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่กว้างที่สุดในไทยคือ 2,915 ตารางกิโลเมตร แน่นอนว่ามีหลายแหล่งท่องเที่ยวให้เลือกชม สำหรับผู้ชื่นชอบการตั้งแคมป์พลาดไม่ได้ที่จะไป แคมป์บ้านกร่าง ซึ่งปกคลุมด้วยป่าเบญพรรณและป่าดิบแล้ง ทำให้อากาศเย็นสบาย มีจุดเด่นคือการชมผีเสื้อกว่า 150 สายพันธุ์รวมถึงสัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ ซึ่งช่วงเวลาดูผีเสื้อจะอยู่ช่วงมีนาคมถึงมิถุนายน คาบเกี่ยวระหว่างฤดูร้อนและฤดูฝนนั้นเอง อีกทั้งพื้นที่รอบ ๆ ยังมีทะเลสาบ น้ำตก ถ้ำ เขา และอื่น ๆ ให้เลือกเที่ยวตามความชอบอีกด้วย
ที่ตั้ง: ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
เวลาทำการ: ทุกวัน 08:00-18:00 น.
ช่องทางการติดต่อ: –
9. ไร่ยุทธนา เกษตรสวนผสม จ.ราชบุรี
ทำเลทองในการกางเต็นท์อีกหนึ่งแห่งใกล้กรุงเทพฯ เป็นแคมป์งบประหยัดที่คุณภาพเกินราคา ไร่ยุทธนา เกษตรสวนผสมแห่งนี้ติดกับลำธารใสแจ๋ว สามารถเลือกจุดกางเต็นท์ที่ชอบได้เลย (ต้องนำเต็นท์มาเองนะ) และมีปลั๊กไฟ ไวไฟ ที่จอดรถ และห้องน้ำให้บริการ มีกิจกรรมอย่างพายเรือคายัค เล่นน้ำ มีแพให้เดินเล่นอีกด้วย
ที่ตั้ง: 9/9 ม.3 ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
เวลาทำการ: ทุกวัน 08:30 – 19:30 น.
ช่องทางการติดต่อ: ไร่ยุทธนา เกษตรสวนผสม
ขอขอบคุณรูปภาพจาก facebook.com
การเตรียมตัวและข้อควรระวังก่อนไปแคมป์ปิ้ง
1. ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง
เพื่อประเมินว่าสภาพอากาศในที่ที่เราจะไปตั้งแคมป์นั้นเป็นยังไง จะได้สามารถเตรียมพร้อมรับมือได้เต็มที่และเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
2. กางเต็นท์ในจุดที่ปลอดภัย
- ไม่กางเต็นท์ในบริเวณที่เป็นแอ่ง/ทางลาดเอียง เพราะเมื่อฝนตก น้ำอาจไหลซึมเข้ามาในเต็นท์ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการพักผ่อนได้
- ไม่การเต็นท์ขวางทางน้ำไหล เพราะหากมีฝนตกหนักอาจทำให้เกิดอันตรายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม
- ไม่กางเต็นท์ใต้กิ่งไม้แห้ง เพราะเมื่อมีลมพายุแรงอาจทำให้กิ่งไม้หักมาโดนเต็นท์ได้ ควรตั้งตรงต้นไม้ใหญ่ที่ยังไม่ยืนต้นตาย เพื่อไว้บังลมแรง
- ตรวจดูบริเวณรอบๆก่อนกางเต็นท์ เพราะอาจมีแมลงหรือสัตว์อาศัยอยู่ โดยเฉพาะสัตว์มีพิษ เช่น ตะขาบ งู แมงป่อง จึงควรตรวจเช็กให้แน่นอนว่าแถวนั้นไม่มีสัตว์อันตราย
3. สังเกตสิ่งผิดปกติเสมอ
เพื่อความปลอดภัยควรสังเกตระดับน้ำและสีในแหล่งน้ำใกล้เคียง หากน้ำเพิ่มสูงขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีแดง/ขุ่นๆ ให้ออกห่างจากน้ำและควรมองหาที่สูงไว้ล่วงหน้า เพื่อให้หนีได้ทันเวลา
4. ห้ามจุดไฟในเต็นท์
อากาศหนาวๆในฤดูฝนทำให้หลายคนมองหาวิธีเพิ่มความอุ่นให้ร่างกาย แต่ข้อควรระวังคือ ห้ามจุดไฟ จุดเทียน หรือจุดตะเกียงในเต็นท์ เพราะนอกจากอาจทำให้ไหม้เต็นท์แล้ว การเผ่าไหม้ยังใช้ออกซิเจนและปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาแทน ทำให้เสียชีวิตได้ จึงควรเพิ่มความอุ่นโดยการใช้ถุงนอนที่อุ่นและระบายความชื้นได้ดี สวมเสื้อผ้าขนสัตว์ และสวมถุงเท้า
5. ไปตั้งแคมป์กันเป็นกลุ่ม
ถึงจะชอบการผจญภัยมากแค่ไหน ก็ไม่ควรไปแคมป์ปิ้งตัวคนเดียว เพราะอย่างที่รู้กันว่าฤดูฝนมีแนวโน้มก่อให้เกิดอันตรายกว่าฤดูอื่นๆ ทั้งทางลื่น แมลงเยอะ เต็นท์พัง และสารพัดอย่าง จึงควรมีคนที่คอยช่วยเหลือกันเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันอยู่เสมอ
อุปกรณ์ตั้งแคมป์ที่ขาดไม่ได้
1. สเปรย์ป้องกันแมลง
ในช่วงหน้าฝนมักมีแหล่งน้ำที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงต่างๆโดยเฉพาะยุง ดังนั้นควรจะนำสเปรย์หรือครีมกันยุงติดตัวไปด้วย
2. กราวด์ชีท (Ground Sheet)
คือผ้าไว้สำหรับปูรองเต็นท์ เพื่อให้เต็นท์ไม่เลอะ กันหญ้าหรือกิ่งไม้แหลม และยังกันน้ำอีกด้วย ในช่วงหน้าฝนเลี่ยงน้ำไม่ได้ กันไว้แต่เริ่มเลยดีที่สุด
3. เต็นท์กันน้ำ/เสื้อกันฝน
เพื่อช่วยลดปัญหาจากน้ำฝน ไอเทมสำคัญที่ห้ามลืมหากไปทำกิจกรรมในหน้าฝน
4. ยา/ชุดปฐมพยาบาล
เรื่องไม่คาดคิดเกินขึ้นได้เสมอ ดังนั้นยาและเครื่องมือปฐมพยาบาลจะเป็นสิ่งที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากอุบัติเหตุได้ เช่น ลื่นล้ม เป็นไข้ แมลงกัด/ต่อย เป็นต้น
5. ไฟฉาย
เพื่อใช้ส่องทางเวลาเดินไปที่อื่น หรือใช้ส่องหาของ แทนการใช้เทียนหรือตะเกียง
6. พาวเวอร์แบงก์
กลางป่าเขาธรรมชาติในฤดูฝน อาจหาที่ชาร์จแบตโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อื่นๆได้ยาก และถึงมีก็เสี่ยงอันตรายเพราะน้ำอาจกระเด็นหรือมีละอองฝน จึงควรพกพาวเวอร์แบงก์เพื่อชาร์จแบตใช้ในยามฉุกเฉิน
การพกอุปกรณ์ที่จำเป็นจะช่วยให้เราแคมป์ปิ้งได้อย่างราบรื่นมากขึ้น แต่หากยังไม่จุใจ 20 อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง จะเพิ่มลิสต์สิ่งอำนวยความสะดวกจนไม่ต้องพึ่งร้านสะดวกซื้อเลย !
จบไปแล้วสำหรับ 9 สถานที่ตั้งแคมป์ที่คนรักธรรมชาติต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง และเพื่อความปลอดภัยในระหว่างแคมป์ปิ้งท่ามกลางสายฝนก็ควรเตรียมตัวป้องกันและรับมือเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น และห้ามลืมอุปกรณ์สำคัญเด็ดขาด เตรียมพร้อมขนาดนี้แล้วก็ต้องจัดเป้ท่องป่าแล้วแหละ !
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
