‘AI คือ’ ทำงานยังไง ใช้ทำอะไร รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์ !

คำว่า AI หลาย ๆ คนต้องเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง ไม่มากก็น้อย และภาพของ AI ในความคิดของคนส่วนใหญ่ก็คือหุ่นยนต์หรือภาพของมนุษย์ที่ถูกสร้างโดยคอมพิวเตอร์ แต่จริง ๆ แล้วคำว่า AI นั้นหมายถึงอะไรกันแน่ ในบทความนี้จะพาชาว Mee Style มารู้จักกับ AI แท้จริงแล้วคืออะไร ทำงานยังไง และใช้ทำอะไรได้บ้าง

รู้จักกับ ‘AI คืออะไร’

ระบบ AI คือ ปัญญาประดิษฐ์หรือการจำลองกระบวนการทางสติปัญญาของมนุษย์โดยเครื่องจักรหรือระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถเรียนรู้ วางแผน หาเหตุผลและสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติ  

คำว่า AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence ในปัจจุบันก็ได้มีการนำระบบ AI มาพัฒนาในรูปแบบการใช้งานอื่น ๆ ด้วย เช่น ChatGPT แชตบอตอัจฉริยะ หรือแม้แต่ Metaverse โลกเสมือนจริง ที่ก็ล้วนนำ AI มาใช้ในการพัฒนาร่วมด้วย

จึงกล่าวได้ว่า AI คือ การพัฒนาความสามารถของระบบคอมพิวเตอร์ ด้วยข้อมูลทางสถิติและอัลกอริทึม เพื่อสร้างซอฟต์แวร์อัจฉริยะหรือปัญญาประดิษฐ์ ที่มีความสามารถในการจดจำ แยกแยะ ให้เหตุผล ตัดสินใจเหมือนกับมนุษย์

AI มีกี่ประเภท

 

 AI ก็ยังสามารถแบ่งออกได้อีก 3 ประเภท โดยเกณฑ์ในการแบ่งจะถูกแบ่งตามระดับความสามารถ ได้แก่

  • เชิงแคบ (Narrow AI)

เชิงแคบ หรือปัญญาประดิษฐ์เชิงแคบ คือ AI ที่มีความสามารถเฉพาะทาง มีความสามารถที่ดีแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ได้มีความสามารถรอบด้าน

  • ทั่วไป (General AI)

ทั่วไป หรือปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป คือ AI ที่มีความสามารถเท่าเทียมกับมนุษย์ สามารถทำทุก ๆ อย่างที่มนุษย์ทำได้ มีความใกล้เคียงกับมนุษย์ 

  • เชิงเข้ม (Strong AI)

เชิงเข้ม หรือปัญญาประดิษฐ์เชิงเข้ม คือ AI ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ในหลาย ๆ ด้าน สามารถทำหลาย ๆ อย่างได้ดีกว่ามนุษย์

การทำงานของ AI

วัตถุประสงค์ในการพัฒนา AI คือ การช่วยลดเวลาทำงานให้กับมนุษย์ เพราะ AI ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยมนุษย์ในการตัดสินใจในเรื่องที่ซับซ้อนให้สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนั่นเอง 

หลักการทำงาน AI

การทำงานของมันก็คือ ระบบ AI ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยการเลียนแบบพฤติกรรมของมนุษย์ ด้วยการใช้ชุดข้อมูล เพื่อให้ AI ใช้ประมวลผลแล้ว Response ออกมา ซึ่งชุดข้อมูลเหล่านี้ก็เป็นไปได้หลายรูปแบบ เช่น ข้อความ คำพูด หรือ Action ต่าง ๆ ซึ่ง AI ก็จะจดจำสิ่งเหล่านี้ เรียนรู้ และประมวลผลนั่นเอง

ในการทำงานก็ขึ้นอยู่กับว่า ตัวผู้ใช้งาน AI จะใช้งานมันด้วยวัตถุประสงค์อะไร ก็ป้อนชุดข้อมูลเพื่อเพิ่มความสามารถให้กับ AI แล้วนำไปประกอบรวมกับเครื่องจักร เพื่อให้ AI สามารถคิดและประมวลผลได้

ประโยชน์ของ AI 

 

จวบจนปัจจุบัน AI ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและได้มีการนำ AI เข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจ ซึ่ง AI ที่นำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้

  • Process automation

ใช้ระบบ Automation ทั้งในรูปแบบดิจิทัล และเอกสาร เช่น ระบบการประมวลผลเอกสารอัจฉริยะ หรือ RPA (Robotic Process Automation) ซึ่งเป็นการใช้งาน AI ในการป้อนข้อมูล และอ่านข้อมูลจากหลาย ๆ ระบบ หรือแม้กระทั่งการส่งข้อมูลกลับไปยังระบบขององค์กร ซึ่งสามารถช่วยลดข้อผิดพลาดจากการกรอกข้อมูล อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลา

  • Cognitive Insight

ทำหน้าที่เหมือนกับนักวิเคราะห์ โดยอาศัยการอ่านข้อมูลจำนวนมาก ประมวลผล และวิเคราะห์หาคำตอบที่ต้องการผ่านข้อมูลเหล่านั้น

  • Cognitive Engagement

เน้นใช้กับเนื้องานที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ใช้ในการโต้ตอบพูดคุย ตอบปัญหาเบื้องต้น เช่น แชตบอต เป็นต้น

การใช้งาน AI ในธุรกิจ

ในภาคธุรกิจปัจจุบันได้นำ AI ไปใช้งานอะไรกันบ้างแล้ว เราไปเริ่มดูกันเลย

Netflix AI กับ Netflix

สตรีมมิงออนไลน์เจ้าดังอย่าง Netflix ที่มีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 100 ล้านคน ได้ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ของ User แต่ละคน เช่น ประวัติการรับชม ประเภทหนังหรือรายการที่ชอบ ซึ่ง AI ก็ได้วิเคราะห์ผู้ใช้ และเลือกนำเสนอหนังที่ตรงกับความชอบความต้องการของ User นั้น ๆ ทำให้เมื่อเข้าหน้า Netflix เรามักจะเจอแต่หนังที่ถูกจริตขึ้นมาอยู่บนหน้าแนะนำ ทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่เป็นการทำงานของ AI นั่นเอง

Starbucks

AI กับ starbuck

ร้านกาแฟชื่อดังที่มีสาขาไปทั่วโลก ได้เริ่มเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภค ผ่านการเปิดให้สั่งกาแฟผ่าน Application ของ Starbucks และเลือกสาขาในการไปรับเครื่องดื่มได้ โดย AI ที่ถูกนำมาใช้ใน Application นี้ชื่อว่า My Starbucks Barista จะทำหน้าที่ประมวลผลคำสั่งและส่งเมนูที่ถูกสั่งไปในสาขาใกล้เคียงเพื่อทำเครื่องดื่มเตรียมไว้

Amazon

AI กับ Amazon

เริ่มต้นที่ร้าน Amazon Go ที่จำหน่ายอาหารและของใช้ในบ้าน ใช้ AI ในการบริหารจัดการร้านค้าทุกส่วน โดยใช้งานผ่านระบบเซนเซอร์ต่าง ๆ ภายในร้าน โดย AI จะติดตามการกระทำของคนในร้านตั้งแต่หยิบสินค้าจากชั้นวาง ซึ่งเซนเซอร์จะจับตัวสินค้าไปใส่ไว้ในตะกร้าจำลองบน Application ของ Amazon Go และคิดเงินอัตโนมัติเมื่อลูกค้าเดินออกไปแล้ว แปลว่าเราแค่เดินเข้ามาหยิบสินค้าและเดินออกไปได้เลย เงินก็จะถูกตัดผ่าน Application ของ Amazon Go เอง

สรุป

คงจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันได้มีการนำ AI เข้ามาใช้ทำงานแทนมนุษย์ในหลาย ๆ หน้าที่แล้ว ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดเวลาแล้ว ยังลดความผิดพลาดในการทำงานได้อีกด้วย หากใครที่มีธุรกิจแล้วอยากมีเครื่องทุ่นแรง การลงทุนกับ AI ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

ขอบคุณข้อมูลจาก

aigencorp.com, techtarget.com, km.prd.go.th, blog.cloudhm.co.th, thaismescenter.com, smestartup.gsb.or.th

Press ESC to close