ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์ได้พัฒนาและสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ขึ้นมามากมาย สิ่งประดิษฐ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นมา ก็เปลี่ยนโลกของเรามานักต่อนัก ตั้งแต่เครื่องพิมพ์เครื่องแรกของโลกที่ทำประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ได้มากขึ้นและง่ายขึ้น มาจนถึงช่วงที่เกิดคอมพิวเตอร์เครื่องแรกและกำเนิด AI (Artificial Intelligence)
ในปัจจุบัน AI ได้รับการพัฒนาให้ไปทำหลากหลายหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นบัญชี เขียนโปรแกรม และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้มนุษย์ยังพัฒนา AI ให้มาทำหน้าที่สื่อสารพูดคุยและตอบปัญหาของมนุษย์ ที่เรารู้จักกันในชื่อ Chatbot ซึ่งก็มี Chatbot ที่มีชื่อเสียงอย่างมากและเชื่อว่าใครหลาย ๆ คนต้องเคยพูดคุยกับเขามาบ้างแล้ว ก็คือ Siri ของบริษัท Apple นั่นเอง
ในช่วงพฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา บริษัท OpenAI องค์กรที่พัฒนางานวิจัยเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เปิดตัว Chatbot อัจฉริยะที่ชื่อว่า ‘ChatGPT’ การเปิดตัวในครั้งนี้สร้างเสียงฮือฮาให้กับผู้ประกอบการในวงการเทคโนโลยีอย่างมาก หลังจากเปิดตัวไปเพียงแค่ 5 วัน ChatGPT ก็มีผู้ใช้งานถึง 1 ล้านรายแล้ว ตอนนี้หลาย ๆ คนคงอยากรู้แล้วว่า ChatGPT คืออะไร มันมีความพิเศษอย่างไร และมันสามารถทำอะไรได้บ้าง
ChatGPT คืออะไร
ChatGPT คือ AI Chatbot อัจฉริยะที่เป็นมากกว่า Chatbot ทั่วไปที่เราเคยมีมา เพราะ ChatGPT ไม่ได้มีความสามารถเพียงแค่ถาม-ตอบ หรือการพูดคุยเล่นทั่ว ๆ ไปเพียงเท่านั้น แต่มันยังสามารถตอบคำถามยาก ๆ หรือแม้แต่เขียนโคดในการเขียนโปรแกรมก็ได้เช่นกัน และนอกจากความสามารถที่หลากหลายของมันแล้ว การตอบโต้ของ ChatGPT ยังมีความเป็นธรรมชาติมาก ทำให้ไม่รู้สึกเหมือนว่ากำลังคุยอยู่กับ AI
การทำงานของ ChatGPT
ทางบริษัท OpenAI เปิดเผยถึงการทำงานของ ChatGPT เพียงแค่ว่า มันได้ถูกสอนจากการ Reinforcement Learning From Human Feedback (RLHF) ก็คือการที่มนุษย์มีส่วนช่วยป้อนข้อมูลหรือสอน AI ในการสนทนา โดย ChatGPT จะฝึกฝนการถามตอบผ่านการจดจำข้อความบนอินเทอร์เน็ตจำนวนมหาศาล จนสามารถตรวจจับรูปแบบการเขียนได้ หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือการใช้ AI รวบรวมข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตที่อยู่มหาศาลเพื่อมาพูดคุยโต้ตอบ และตอบปัญหาให้กับมนุษย์นั่นเอง ซึ่งวิธี RLHF นี่แหละที่เป็นส่วนช่วยให้ ChatGPT มีการพูดคุยโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ChatGPT ช่วยทำอะไรได้บ้าง
ด้วยความสามารถที่หลากหลายของ ChatGPT จึงเป็นสิ่งที่ทำให้คนทั้งโลกฮือฮากับมัน บางกระแสบอกว่า Generative AI ตัวนี้จะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ และทำให้คนในหลาย ๆ สายงานตกงานได้เลย ดังนั้น ไปดูกันดีกว่าว่า ChatGPT มันสามารถทำอะไรแทนมนุษย์ได้บ้าง
-
เขียนโปรแกรม
สามารถเขียนโคดทั่วไปได้ ซึ่งภาษาที่ใช้ก็จะมี JavaScript, Python นอกจากนี้มันยังสามารถตรวจหาบักหรือข้อบกพร่องที่มีในโคดได้อีกด้วย ความสามารถในเรื่องนี้หากได้รับการพัฒนาไปเรื่อย ๆ ChatGPT ก็อาจจะเข้ามาเป็นเครื่องทุ่นแรงให้กับโปรแกรมเมอร์ได้
-
เขียนบทความ/เรียงความ/แต่งเพลง
งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ChatGPT ก็สามารถทำได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเรื่องสั้น, เขียนบทความ, แต่งเนื้อเพลง เพียงแค่เราบอกมันว่าเราต้องการเนื้อหาแนวไหน เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ChatGPT ก็สามารถร้อยเรียงออกมาให้เราได้
-
จัดทริปท่องเที่ยว
ถ้าหากเราอยากไปเที่ยวแต่ยังไม่ได้วางแผนว่าจะไปเที่ยวที่ไหน จะไปทำอะไรบ้าง ก็แค่บอกกับ ChatGPT ว่าเราอยากไปเที่ยวแนวไหน เช่น ทะเล, ปีนเขา หรือเดินป่า แล้วให้ ChatGPT แนะนำสถานที่เที่ยวให้หรือจะให้จัดทริปให้เลย ChatGPT ก็สามารถทำได้เหมือนกัน
-
ถามตอบความรู้ทั่วไป
ในส่วนนี้ ChatGPT จะมีข้อแตกต่างจาก Google ตรงที่ถ้าเรามีเรื่องที่อยากรู้ เราก็เสิร์ชเรื่องที่เราสงสัยลงไปแล้วก็ไปเปิดหาคำตอบตามเว็บไซต์ต่าง ๆ เอง แต่สำหรับ ChatGPT หากเรามีเรื่องที่สงสัยแล้วถามมันไป มันก็จะเอาคำตอบมาให้เราเลย โดยที่เราไม่ต้องไปหาอ่านเอง
-
ปรึกษาปัญหาชีวิต
ความสามารถในส่วนนี้ของ ChatGPT อาจจะไม่ได้ให้คำแนะนำเหมือนเราคุยกับเพื่อนมากนัก แต่จะให้เป็นคำแนะนำกลาง ๆ ที่เราสามารถนำไปปรับใช้กับปัญหาของเราเองได้
ข้อจำกัดของ ChatGPT
ถึงแม้ว่า ChatGPT จะอัจฉริยะแค่ไหน แต่มันก็ยังคงเป็นแค่โครงการที่ยังอยู่ในช่วงพัฒนา ซึ่งก็อาจจะมีข้อมูลที่ยังไม่ถูกต้องทั้งหมดหรือข้อมูลบางอย่างอาจจะยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นมันเลยมีข้อจำกัดบางอย่างที่ ChatGPT ไม่สามารถทำได้
-
ข้อมูลอัปเดตถึงแค่ปี 2021
เนื่องจากที่ ChatGPT เป็นเพียงแค่โครงการที่อยู่ในช่วงพัฒนา ดังนั้นข้อมูลที่ AI มีก็จะจำกัดอยู่ที่ปี 2021ถ้าหากถามเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป ChatGPT ก็จะไม่สามารถให้คำตอบได้
-
ให้คำตอบได้แค่ในรูปแบบข้อความ
ChatGPT ยังคงให้คำตอบได้เฉพาะรูปแบบของข้อความเท่านั้น ไม่สามารถส่งเป็นไฟล์ เสียง หรือภาพได้ รวมถึงไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของเว็บไซต์ได้
-
ข้อมูลบางอย่างไม่ได้ถูกต้อง 100%
Sam Altman(แซม อัลท์แมน) เคยบอกเอาไว้ว่าโครงการ ChatGPT นี้ยังอยู่ในขั้นพัฒนา ซึ่งข้อมูลบางอย่างที่ได้ไปอาจจะไม่ได้ถูกต้อง 100% จึงควรระมัดระวังในเรื่องของข้อมูลที่ได้รับไป ซึ่งความไม่สมบูรณ์ตรงนี้ทำให้ผู้ใช้งานบางรายถามจาก ChatGPT แต่สุดท้ายก็ยังต้องไปเสิร์ชหาจาก Google อยู่ดี
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา OpenAI ได้ประกาศว่าบริษัทเตรียมตัวที่จะเปิด ChatGPT Plus ในราคา 20 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งผู้ที่สมัครสมาชิกจะมีสิทธิ์ในการเข้าถึงฟีเจอร์และการปรับปรุงใหม่ก่อนใคร รวมถึงได้รับการตอบสนองที่เร็วขึ้น
หากใครที่สนใจและยังไม่เคยลองใช้ ChatGPT ก็สามารถเข้าไปทดลองใช้ได้จากลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก