เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงรู้สึกตื่นเต้นกับการได้กลับไปเที่ยวต่างประเทศอีกครั้ง หลังจากห่างหายมานานตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 หลาย ๆ ประเทศเริ่มเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวได้แล้ว รวมถึงสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มกลับมาเป็นปกติ และประเทศที่คนไทยส่วนใหญ่คิดถึงกันมากที่สุดคงหนีไม่พ้น ประเทศเกาหลี ที่มีวัฒนาเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ทั้งอาหารเกาหลี ชุดฮันบก และเครื่องสำอางเกาหลีราคาดีงาม แต่การกลับไปเที่ยวเกาหลีในปี 2023 จะมีกฎเกณฑ์อะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง ไปเกาหลีต้องเตรียมอะไรบ้าง เตรียมตัวไปพร้อมกับเราได้เลย!
เตรียมตัวไปพร้อมกัน ไปเกาหลีต้องเตรียมอะไรบ้าง
1. เอกสารส่วนตัว
เมื่อปักหมุดว่าจะบินลัดฟ้าไปเกาหลีแล้ว หลายคนคงเกิดคำถามขึ้นมาว่าไปเกาหลีต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ขั้นแรกมาเริ่มเตรียมเอกสารที่ต้องใช้ในการเดินทางกันก่อนเลย
พาสปอร์ต (Passport)
พาสปอร์ต คือ เอกสารระบุตัวตนที่ใช้ในการไปต่างประเทศ จะระบุข้อมูล ชื่อ-นามสกุล, วัน-เดือน-ปีเกิด, เพศ, สัญชาติ เป็นต้น ซึ่งหากเรายังไม่มีก็ให้เริ่มทำพาสปอร์ตก่อนเลย
-
ถ้าเคยทำพาสปอร์ตมาแล้ว
อายุของพาสปอร์ตเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องตรวจสอบก่อนไปเที่ยวเกาหลี ซึ่งการจะเดินทางไปประเทศเกาหลีได้นั้น พาสปอร์ตของเราจะต้องมีอายุเหลือมากกว่า 180 วัน หรือ 6 เดือน
-
ถ้ายังไม่เคยทำพาสปอร์ต
เราจะต้องทำการจองคิวเพื่อทำพาสปอร์ตเสียก่อน โดยในปัจจุบันจองคิวเพื่อทำพาสปอร์ตนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะว่ากรมการกงสุลแห่งประเทศไทยได้เปิดช่องทางการจองคิวทำพาสปอร์ตผ่านระบบออนไลน์ได้แล้วที่ qpassport สำหรับการทำพาสปอร์ตครั้งแรกนั้นให้เตรียมไปเพียงบัตรประชาชนใบเดียวเท่านั้น
เอกสารข้อมูลส่วนตัว
นอกจากหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต ที่จะต้องใช้แล้ว ยังมีเอกสารข้อมูลส่วนตัว ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน, หลักฐานการทำงาน, สำเนาบัญชีออมทรัพย์ เป็นต้น แต่ถ้าหากเราแต่งงาน หรือเคยเปลี่ยนชื่อมาแล้ว จะต้องแนบเอกสารเพิ่มเติม คือ สำเนาทะเบียนสมรส และเอกสารเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล เป็นต้น
-
บัตรประจำตัวประชาชน
หนึ่งในเอกสารยืนยันตัวตนที่ทุกคนจะต้องมีติดกระเป๋าพกไว้ทุกคน
-
หลักฐานการทำงาน
เอกสารยืนยันการทำงานที่ออกให้โดยบริษัท หรือหน่วยงานราชการที่ตนสังกัดอยู่
-
สำเนาบัญชีออมทรัพย์
โดยจะต้องเป็นบัญชีแบบออมทรัพย์เท่านั้น กรมการกงสุลจะไม่รับพิจารณาบัญชีแบบกระแสรายวัน
2. เอกสารเข้าเกาหลี
ในการเข้าประเทศเกาหลีสิ่งที่จำเป็นต้องรู้จักก็คือ K-ETA (Korea Electronic Travel Authorization), Q-Code, และใบตรวจคนเข้าเมือง โดยสิ่งที่จะต้องทำมีดังต่อไปนี้
ลงทะเบียน K-ETA
ขั้นตอนการลงทะเบียน K-ETA
- ไปที่ Website www.k-eta.go.kr หรือใช้แอปพลิเคชัน K-ETA เพื่อสมัครก็ได้เช่นกัน
- เลือกตรงคำว่า Apply for K-ETA
- ในช่องที่มีคำว่า “Select Continent” ให้เลือกที่ Asia Pacific (ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศในเอเชียที่ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก)
- ในช่องที่มีคำว่า “Select your Nationality” คือการเลือกสัญชาติ ให้เลือก Thailand (สัญชาติไทย)
- หลังจากนั้นให้กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) อีเมล รูปถ่าย ข้อมูลการประกอบอาชีพ เหตุผลในการเดินทาง และพักที่ไหนในเกาหลีใต้
- เมื่อเสร็จขั้นตอนด้านบนทั้งหมดแล้ว จะมีการให้ชำระค่าธรรมเนียม 300 บาทไทยโดยประมาณ
- ขั้นตอนสุดท้ายคือ รอรับผลการอนุมัติผ่านทางอีเมลที่เราให้ไป ซึ่งถ้าได้รับอนุญาตจาก K-ETA ก็วางแผนได้เลยว่า ไปเที่ยวเกาหลีต้องเตรียมอะไรบ้าง เพราะนั่นหมายความว่า เราได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศเกาหลีแล้ว
*่ หากยื่นข้อมูลไปแล้วแต่ไม่ได้รับการอนุมัติจาก K-ETA จะต้องยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศตามปกติ
ลงทะเบียน Q-CODE
การลงทะเบียน Q-Code คือ การทำเรื่องขอยกเว้นการกักตัวก่อนเข้าเกาหลีเพราะว่าเราได้รับวัคซีนป้องกันโควิด 19 มาแล้ว ซึ่งมีขั้นตอนการลงทะเบียนที่ไม่ยาก
ขั้นตอนการลงทะเบียน Q-Code
- เข้าไปที่เว็บไซต์ cov19ent.kdca.go.kr และลงทะเบียน Q-Code ให้เสร็จ ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง เพื่อรับ QR Code เมื่อเข้าไปแล้วก็สามารถกดเริ่มได้เลย
- เลือกทวีปที่เราอยู่ (Asia, Asia pacific) และเลือกสัญชาติ
- อ่านข้อตกลงและเงื่อนไข, ข้อตกลงในการรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนตัว, ข้อตกลงที่ระบุตัวตนได้โดยไม่ซ้ำกัน, และข้อตกลงในการประมวลผลข้อมูลที่ละเอียดอ่อน โดยในแต่ละข้อตกลง จะมีให้กดยอมรับอยู่ ให้กด Agree ทั้งหมด
- กรอกหมายเลขหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต ที่อยู่อีเมล และชื่อภาษาเกาหลี และคลิกถัดไป
- กรอกรายละเอียดต่าง ๆ เช่น สัญชาติ, เพศ, ชื่อ-นามสกุล ภาษาอังกฤษ, วันเดือนปีเกิด, และเลขหนังสือเดินทาง ที่ต้องตรงกันกับหนังสือเดินทางของเรา
- กรอกข้อมูลการเข้าประเทศและระยะเวลาที่อยู่อาศัย เช่น ประเทศต้นทาง, วันที่เดินทาง, วันที่เดินทางมาถึงประเทศเกาหลี, ข้อมูลที่พักอาศัยระหว่างอยู่ที่เกาหลี, เบอร์โทรศัพท์มือถือ (ถ้ามี). และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ในประเทศเกาหลี จากนั้นคลิก ถัดไป
- กรอกรหัสเที่ยวบิน เลขที่นั่ง ข้อมูลสุขภาพ และประเทศที่เดินทางไปในช่วง 21 วันที่ผ่านมา
- ตอบข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพว่ามีอาการป่วยหรือไม่
- กด Summit ได้เลย หรือหากข้อมูลผิดพลาด สามารถแก้ไขได้ที่ Modify ก่อน
กรอกใบตรวจคนเข้าเมือง หรือ Arrival Card
แม้จะลงทะเบียน K-ETA ได้แล้ว แต่ก็ต้องกรอกใบ ตม. อยู่ดี โดยที่ใบตรวจคนเข้าเมือง หรือ Arrival card เป็นใบที่ระบุข้อมูลสำคัญของเราเอาไว้ทั้งหมด เช่น ชื่อ นามสกุล เที่ยวบิน ข้อมูลที่จะเข้าพัก วันที่อยู่ในเกาหลี ข้อมูลอาชีพ รวมไปถึงเหตุผลที่มาเกาหลี ซึ่งข้อมูลที่กรอกจะต้องตรงกันกับ K-ETA ทุกประการ
ใบตรวจคนเข้าเมือง สามารถรับได้ที่เจ้าหน้าที่บนเครื่องบิน (Flight attendant) หรือสนามบินปลายทางก็ได้
3. หลักฐานยืนยันการไปเที่ยวเกาหลีต้องเตรียมอะไรบ้าง
กระแสการติด ตม. เกาหลีของคนไทยมาแรงมาก จึงจำเป็นที่จะต้องมีหลักฐานมายืนยันว่าเรามาเที่ยวจริง ๆ ซึ่งหลักฐานที่สามารถนำมาแสดงที่ ตม. คือ ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ หลักฐานการจองโรงแรม แผนการท่องเที่ยว ตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น
การคุยกับด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีให้ผ่านแบบง่าย ๆ
หลาย ๆ คนอาจจะเป็นกังวลว่าจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) หรือไม่ เพราะว่าประเทศเกาหลีใต้ช่วงนี้ได้ยินข่าวกันมาว่าด่านตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีมีความเข้มงวดมากขึ้น ทำให้อาจจะเกิดความกังวลว่าจะติดด่านตรวจคนเข้าเมืองหรือเปล่า ทำให้ไม่กล้าเดินทางไปเกาหลีด้วยตัวเอง อีกทั้งก็ยังห่วงเรื่องที่ว่า ไปเกาหลีเตรียมอะไรบ้างอีกด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นกังวลกับด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เลย เพราะว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยหากเราต้องการไปเที่ยวจริง ๆ และยังเตรียมตัวมาดี ทั้งในเรื่องเอกสาร ความมั่นใจ และตั้งใจจะไปเที่ยว เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
เกาหลีใต้มีมาตรการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มข้นมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันคนที่จะลักลอบเข้าไปทำงานในประเทศเขาอย่างผิดกฎหมายนั่นเอง
สิ่งที่ควรมีในการคุยกับด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) 4 ข้อ
1. มีความมั่นใจ
ความมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญ เราไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ทำตัวปกติไม่ต้องกลัว และอย่าแสดงออกว่ารู้สึกกังวล เพราะอาจจะทำให้เราดูน่าสงสัย ทางที่ดีคือ ยื่นเอกสารที่เตรียมมาและตอบคำถามไปตามความจริง
2. แต่งตัวให้ดูดี
แต่งตัวดีในที่นี้คือ ไม่ใช่การประโคมแบรนด์เนมมาทั้งตัว แต่แต่งตัวให้ดูมีภูมิฐานนั่นเอง เพราะความน่าเชื่อถือของเราจะถูกตัดสินจาก First Impression ดังนั้น การแต่งตัวจึงถือเป็นอีกสิ่งที่ช่วยคุณได้
3. รู้ข้อมูลเกี่ยวกับทริป
“ถามได้ ก็ตอบได้” เราควรที่จะรู้ข้อมูลของทริปที่มา อย่างน้อยคือรู้ว่ามากี่วัน จะไปเที่ยวไหนบ้าง พักอยู่แถวไหน มากับใครบ้าง มีเพื่อนร่วมทริปทั้งหมดกี่คน เป็นต้น
4. สื่อสารภาษาอังกฤษเบื้องต้นได้
การสื่อสารภาษาอังกฤษเบื้องต้นได้ก็สามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และทำให้เราสามารถตอบคำถามพื้นฐานที่จะถูกถามจากเจ้าหน้าที่ ตม. ได้ด้วย
สรุปว่าไปเกาหลีต้องเตรียมอะไรบ้าง
การไปเที่ยวเกาหลีอีกครั้งในปี 2023 จะไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอีกต่อไป ถ้าเรามีการเตรียมตัว ทั้งพาสปอร์ต เอกสารข้อมูลส่วนตัว เอกสารเข้าเกาหลี ซึ่งเป็นเอกสารที่เราจะต้องเตรียม เพียงแต่เพิ่มขั้นตอนเล็กน้อยในส่วนของการควบคุมโรคระบาดเท่านั้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะมีทริปไปเกาหลีที่สนุกสนานนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก
ttib.co.th, mushroomtravel.com, www.trueplookpanya.com, www.kto.or.th/q-code