นักท่องเที่ยวที่มีแพลนจะไปเที่ยวเกาหลีคงกังวลไม่น้อยเกี่ยวกับมาตรการสุดเข้มงวดของ ตม.เกาหลี จนทำให้หลาย ๆ คนยกเลิกแผนหรือเปลี่ยนไปเที่ยวที่อื่นแทนเพราะกลัวจะไม่ผ่าน ตม. วันนี้เราเลยเตรียม ‘เทคนิค การเตรียมตัวไปเกาหลี ทำตามผ่านชัวร์ !’ เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้เตรียมแพ็กกระเป๋าไปเกาหลีอย่างสบายใจค่ะ
1. ลงทะเบียน K-ETA
K-ETA (Korea Electronic Travel Authorization) คือการรับรองให้ชาวต่างชาติเข้าเกาหลีได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งเราต้องลงทะเบียนออนไลน์ผ่าน
1. เว็บไซต์ K-ETA หรือ
2. Application K-ETA
แต่อาจต้องรอผลกว่า 72 ชม. จึงควรลงทะเบียนล่วงหน้าไว้ก่อน โดย K-ETA จะตรวจสอบคนที่ลงทะเบียนว่ามีความพร้อมมาเที่ยวเกาหลีหรือไม่ ควรศึกษาขั้นตอนการลงทะเบียน K-ETA และเตรียมเอกสารดังนี้
- พาสปอร์ต (Passport) ที่มีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน
- รูปถ่ายพื้นหลังสีขาว (ไม่สวมแว่นตาเลนส์สีหรือเครื่องประดับใด ๆ )
- ข้อมูลที่พักในเกาหลีอย่างละเอียด
- บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต (สำหรับหักค่าธรรมเนียม 10,000 วอน)
หากผ่านการลงทะเบียน : K-ETA จะมีอายุ 2 ปี สามารถเข้าเกาหลีกี่ครั้งก็ได้ ครั้งละไม่เกิน 90 วัน (นำเอกสารนี้ไปแสดงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ตม. อีกครั้งด้วยนะคะ)
หากไม่ผ่านการลงทะเบียน : ต้องยื่นวีซ่าท่องเที่ยวตามปกติ
2. ขอวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลี (C-39)
สำหรับคนที่กังวลว่าจะไม่ผ่าน K-ETA ก็สามารถขอวีซ่าท่องเที่ยวเผื่อไว้ได้ ซึ่งต้องเตรียมเอกสารมากพอสมควร
- รูปถ่ายพื้นหลังสีขาวขนาด 3.5 × 4.2 ซม. (1.5 นิ้ว) และต้องเห็นใบหน้าขนาด 2.5 ซม. × 3.5 ซม.
- พาสปอร์ต (Passport) และสำเนา 1 ชุด (มีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน)
- ตราประทับ Re-entry Permit ที่ได้รับจาก ตม. ไทย และสำเนา 1 ชุด
- หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัทในประเทศไทย (เป็นภาษาอังกฤษโดยระบุตำแหน่งและเงินเดือน)
- หนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัท (กรณีที่ผู้ยื่นขอวีซ่าเป็นเจ้าของกิจการ)
- หนังสือรับรองบัญชีเงินฝากของผู้ยื่นขอวีซ่าจากธนาคารของไทย (เป็นภาษาอังกฤษ และออกโดยธนาคาร) และสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากทุกหน้า (อย่างน้อย 6 เดือน)
- หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน
- หลักฐานการจองโรงแรม
- กำหนดการ/แผนการท่องเที่ยวในแต่ละวัน (เป็นภาษาอังกฤษ)
- ค่าธรรมเนียม (หน่วยเป็นเงินบาท)
การหลีกเลี่ยงวีซ่าไม่ผ่าน !
สาเหตุที่วีซ่าไม่ผ่านมักเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อถือเอกสารหรือคำพูดของผู้ขอวีซ่า ซึ่งการถูกปฏิเสธวีซ่าเป็นสิ่งที่หลายคนกลัวมาก ๆ เพราะนอกจากจะเสียเวลา เสียเงินแล้ว ยังอาจเสียความน่าเชื่อถือในการขอวีซ่าไปที่อื่น ๆ อีกด้วย
เราจึงลิสต์สาเหตุที่ไม่ผ่านวีซ่าไว้ เพื่อให้ทุกคนสามารถหลีกเลี่ยงอุปสรรคใน การเตรียมตัวไปเกาหลี ค่ะ
- เป้าหมายในการขอวีซ่าไม่ชัดเจน : ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร จะอยู่นานแค่ไหน อนาคตจะทำอะไร ฯลฯ หากเจ้าหน้าที่อ่านแล้วรู้สึกไม่สมเหตุสมผลก็จะถูกปฏิเสธวีซ่า
- ไม่มีพันธะผูกพันที่ไทย : เช่น โสด มีญาติอยู่ที่ประเทศปลายทาง เรียนจบแล้ว ไปเรียนแล้วบอกไม่ชัดว่ากลับมาแล้วจะทำงานที่ไหน ไม่มีงานทำที่ไทย ไม่มีรายละเอียดชัดเจน
- หลักฐานการเงินไม่น่าเชื่อถือ : เช่น เงินไม่พอตามที่กำหนด หรืออยู่ ๆ ก็มีเงินจำนวนมากโอนเข้าบัญชี แหล่งที่มาของเงินไม่ชัดเจน
- เอกสารไม่ครบ : หากมีเอกสารเพียงหนึ่งอย่างที่ไม่ตรงตามเกณฑ์ก็จะถูกปัดตกทันที เช่น พาสปอร์ตเหลืออายุน้อยกว่า 6 เดือน
- ข้อมูลในเอกสารกับการสัมภาษณ์ไม่ตรงกัน : ข้อมูลในเอกสารขัดแย้งกับคำสัมภาษณ์ จะดูไร้ความน่าเชื่อถือทันที
- ความสัมพันธ์กับผู้สนับสนุน (Sponsor) ไม่น่าเชื่อถือ : หากเป็นแม่-ลูกจะน่าเชื่อถือเพราะหลักฐานชัดเจน แต่ถ้าเป็นแฟนเฉย ๆ อาจจะถูกตรวจสอบเพิ่มเติม
- มีประวัติไม่ดีเกี่ยวกับการเดินทาง : เช่น อยู่เกินกำหนดวีซ่า ทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็จะปฏิเสธวีซ่าได้
3. วิธีผ่านด่านตรวจของ ตม. เกาหลี
แม้ K-ETA และวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลีจะช่วยให้เราผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ง่ายขึ้น แต่ยังไงก็ต้องผ่านดุลพินิจเจ้าหน้าที่ ตม. เป็นขั้นสุดท้ายอยู่ดี โดยทาง ตม. จะดูว่าเรามี การเตรียมตัวไปเกาหลี ที่เหมาะสมหรือไม่ และเพื่อความชัวร์เรามีทริคที่ทำตามแล้วผ่านได้สบาย ๆ เลย
1. เตรียมตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
สำคัญมาก ๆ เพราะเป็นหลักฐานที่ ตม. เกาหลีใช้พิจารณาว่าเรามีแผนเดินทางเข้าเกาหลีและกลับประเทศอย่างชัดเจน เชื่อได้ว่าเราจะอยู่เกาหลีเพื่อท่องเที่ยว ไม่นานก็กลับ
2. แผนการท่องเที่ยวหลักฐานการจองโรงแรม
เราต้องเตรียมกำหนดการท่องเที่ยวของเราให้ชัดเจน และเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าใจว่าเราจะเดินทางที่ไหนบ้าง และหากไปพร้อมกันหลายคน ต้องคุยและเตรียมแผนการให้ทุกคนรู้ว่าจะไปไหนกันบ้าง เผื่อโดนสัมภาษณ์แยกกันจะได้ตอบได้
3. หลักฐานการจองโรงแรม
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งหลักฐาน เราต้องแสดงใบการเข้าพักโรงแรมทุกคืนตลอดจนจบทริป เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวจริง ๆ
4. แต่งกายให้เหมาะสม
ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวอลังการหรือใส่แบรนด์เนมทั้งตัว แต่แต่งกายให้เหมาะสม เช่น ไม่แต่งชุดนอนหรือกางเกงบอลไป หรือแต่งกายให้ตรงกับฤดู การแต่งกายปกติทั่วไปเป็นการลดโอกาสที่เจ้าหน้าที่จะเรียกมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
5. กระเป๋าเดินทางขนาดพอดี
เจ้าหน้าที่จะดูความสมเหตุสมผลระหว่างจำนวนวันที่ไปกับปริมาณ/ขนาดกระเป๋า เช่น หากไปเที่ยว 3-4 วัน แต่เตรียมกระเป๋าใบใหญ่ไปหลายใบ จะทำให้เจ้าหน้าที่สะดุดตาและเรียกมาสอบถามได้
6. ตอบคำถามด้วยความมั่นใจ
เราหลีกเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามจากเจ้าหน้าที่ไม่ได้ ดังนั้นจึงควรซ้อมถาม-ตอบไว้ก่อนที่จะไป โดยเฉพาะหากใครพูดภาษาอังกฤษหรือเกาหลีไม่ได้ ควรซ้อมให้ตอบข้อมูลสำคัญ ๆ ได้ ไม่อย่างนั้นเราจะสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจและอาจไม่ผ่าน ตม. ได้
7. นำพาสปอร์ตเล่มเก่าไปด้วย
สำหรับคนที่พาสปอร์ตเก่าใกล้หมดอายุ และทำพาสปอร์ตใหม่เรียบร้อยแล้ว ให้นำเล่มเก่าไปให้เจ้าหน้าที่ดูด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราเดินทางไปต่างประเทศมาก่อนและไม่ได้หนีเข้าประเทศใดแบบผิดกฎหมายค่ะ
ข้อควรรู้ใน การเตรียมตัวไปเกาหลี
นอกจากเรื่องการเดินทางที่ต้องเตรียมเอกสารแบบจริงจังมากแล้ว ก็หันมาเตรียมพร้อมเรื่องเที่ยวบ้างดีกว่า
-
แลกเงินวอนไว้ก่อน
ที่เกาหลีไม่มีรับแลกเงินบาทไทยเป็นเงินวอน (เกาหลีรับแลกแค่เงินดอลลาร์สหรัฐ) จึงควรเช็กอัตราแลกเปลี่ยนและแลกเงินไปเลยตั้งแต่ที่ไทย สามารถใช้บัตรเครดิตในเกาหลีได้ แต่อาจมีค่าบริการเพิ่มเติม
-
ฝึกภาษาเกาหลีไว้บ้าง
ชาวเกาหลีมีบางส่วนที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ เช่น ที่โรงแรม ร้านค้าบางร้าน แต่ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาเกาหลีกัน ทางที่ดีควรฝึกพูดประโยค/คำศัพท์สำคัญไว้สื่อสาร เช่น ถามทาง ถามราคา ตอบรับหรือปฏิเสธ และเมื่อขึ้นแท็กซี่ก็ควรพกบัตรของโรงแรมให้คนขับรถดูด้วยนะ จะได้ไม่ส่งผิดที่ค่ะ
-
ไม่จำเป็นต้องให้ทิปพนักงาน
เพราะทั้งในโรงแรมหรือร้านอาหารจะเก็บค่าบริการรวมไว้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องให้ทิปเหมือนในประเทศตะวันตก แต่ถ้ารู้สึกพึงพอใจหรืออยากให้ก็สามารถให้ได้นะ แต่ชาวเกาหลีจะแปลกใจเล็กน้อยเพราะไม่ค่อยมีใครให้กันค่ะ
-
ของฝากน่าซื้อ
ไปเกาหลีทั้งทีก็ต้องซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง ซึ่งสินค้าขึ้นชื่อก็มีไม่น้อย เช่น
- อาหารเกาหลี : เช่น มาม่าเกาหลี กิมจิ หรือสาหร่ายทอด ราคาไม่แพงแถมอิ่มท้อง
- เครื่องสำอาง : อยากผิวใสเหมือนสาวเกาหลีพลาดไม่ได้ ต้องแวะซื้อเครื่องสำอางเกาหลีแบรนด์ดังกลับไทยบ้างแล้ว
- ของที่ระลึก : เช่น พวงกุญแจ ตะเกียบ แม็กเน็ต ที่ประดับลายแบบเกาหลี ไม่ว่าจะธงชาติ ชุดฮันบก ที่เที่ยวต่าง ๆ เป็นของฝากที่เก๋ไม่แพ้กันนะ
-
ทำประกันการเดินทาง
อันที่จริงแล้วจะเดินทางไปที่ไหนก็ควรทำประกันไว้ จะได้เที่ยวอย่างสบายใจ เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝันจะได้รับการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุ สัมภาระหาย เที่ยวบินล่าช้า ฯลฯ ซึ่งสามารถเลือกบริษัทประกันตามที่สนใจได้เลยค่ะ
-
อย่าถ่ายรูปใครโดยไม่ได้รับอนุญาต
หากใครไปเที่ยวก็แน่นอนว่าอยากถ่ายรูป/วิดีโอเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ ซึ่งสามารถทำได้ แต่ถ้าลงโซเชียลแล้วติดหน้าของคนอื่นจะต้องเบลอหน้าไว้ด้วย และระวังการถ่ายรูปเพราะกฎหมายเกาหลีเขียนไว้ชัดเจนว่าห้ามถ่ายรูปคนอื่นเด็ดขาด ถ้าจะให้ชัวร์ก็เน้นถ่ายวิวหรือรูปตัวเองจะดีที่สุดค่ะ
จบกันไปแล้วสำหรับเทคนิค การเตรียมตัวไปเกาหลี ทำตามผ่านชัวร์ ! แล้วจะรู้ว่า ตม. เกาหลีไม่ได้ผ่านยากอย่างที่คิดหากเตรียมพร้อมไปเกาหลีอย่างดี เอกสารพร้อมมากเท่าไหร่ โอกาสผ่าน ตม. เกาหลีก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น แล้วอย่าลืมนำทริคที่ให้ไปใช้ด้วยนะคะ เท่านี้ก็รอฟังข่าวดีได้เลย!
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
trueplookpanya.com, krungsri.com, bolttech.co.th, knightvisahelppoint.com